Showing posts with label ความรู้เรื่องเบียร์. Show all posts
Showing posts with label ความรู้เรื่องเบียร์. Show all posts

Thursday, September 2, 2010

เบียร์ มีประโยชน์ ต่อสุขภาพ จริงหรือ?

| | 0 comments

นั่นแน่....ทางทีมงานรู้เลยว่าต้องมีคนสนใจอ่านแน่ๆใช่มั้ยครับ แน่นอนว่าผู้ที่ดื่มเบียร์เป็นประจำ หรือที่ต้องการจะเริ่มดื่มเบียร์ ทั้งเบียร์ไทย เบียร์ นอก เบียร์แพง เบียร์ของเพื่อน เบียร์ฟรี เบียร์เหมื่อ (อันหลังตัวใครตัวมัน). ต้องการที่จะมั่นใจว่า เราไม่ได้ดื่มเบียร์เยอะเกินไป หรือไม่ได้ทำร้ายตัวเองเพราะการดื่มเบียร์ โดยจริงๆแล้วตามหลักการแล้ว การดื่มเบียร์ก็ทำให้เราได้ประโยชน์เช่นเดียวกันครับ ประโยชน์หลักๆ ของการดื่มเบียร์นั้นไม่ใช่แค่ว่า การดื่มเบียร์สามารถนำน้ำออกจากร่างกายได้ครั้งละหลายๆลิตร ภายในเวลาไม่ถึงนาที...........แต่มันมีประโยชน์มากกว่าที่ทุกท่านคิดนะ ครับ!!

อ่านต่อ: Hoegaarden Beer, Leffe Beer, Stella Beer



Benefit of Drinking Beer ( in the right Proportion )

การดื่มเบียร์เพียงวันละแก้ว ก็ช่วยให้ผิวคุณสวยขึ้นด้วยนะ..เพราะเบียร์มีสารต่างๆ มากกว่า 1,000 ชนิด มีวิตามิน และเกลือแร่ ช่วยให้เส้นประสาท และกล้ามเนื้อแข็งแรง เนื่องจากแอลกอฮอล์ในเบียร์ นั้นจะไปขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดสูบฉีดจากหัวใจมีประสิทธิภาพ มากขึ้น



1.ดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ - ป้องกันโรคหัวใจ จากการศึกษาของนักวิชาการพบว่า ผู้ที่ดื่มเบียร์มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ น้อยกว่า ผู้ที่ ไม่ได้ดื่มเบียร์ 40 - 60% แต่ควรดื่มไม่เกินครึ่งลิตรต่อวัน



2.ช่วยลดความเสี่ยงโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต สารที่มีประโยชน์ในเบียร์สามารถช่วยป้องกันเส้นเลือด อุดตัน
จึงช่วย ป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต


3.ช่วยลดความ ดันโลหิต แพทย์ชาวฮอลแลนด์ และจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดค้นพบว่า การดื่มเบียร์ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้


4.ป้องกันเบา หวาน ผู้ที่ดื่มเบียร์มีจำนวนน้อยที่ป่วยเป็น โรคเบาหวาน เหตุผลก็คือ เบียร์ทำให้ ร่างกาย สามารถปรับฮอร์โมนอินซูลิให้ความทรงจำดี นักดื่มเบียร์จึงไม่ค่อยเป็นโรค อัลไซเมอร์


5.ช่วยให้กระดูกแข็งแรง เบียร์ให้ ผลดีต่อกระดูก สามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ แต่ได้ผล เฉพาะ
กับหนุ่ม สาวเท่านั้น


6.ช่วยให้อายุ ยืน จากการศึกษามากกว่า 50 สำนัก พบว่า ผู้ที่ดื่มเบียร์วันละ 1 - 2 แก้ว มักจะมี อายุที่ยืนยาว เนื่องจากเบียร์มีสารปกป้องหัวใจ


7.ป้องกันท้อง ร่วง โมเลกุลในเบียร์มีส่วนประกอบเหมือนกัน กับกรดนม และน้ำส้มสายชู
สารที่ว่า นี้ขัดขวางเชื้อโรคในลำไส้ ที่เป็นสาเหตุของท้องร่วง ไม่ให้แพร่เชื้อจนท้องเสีย


8.ต้านความ เครียด นักวิชาการจากมหาวิทยาลัย Montreal ค้นพบว่า คนทำงานที่ได้ดื่ม เบียร์บ้างเป็นครั้งคราว มีความ เครียดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเบียร์


9.ป้องกันนิ่ว ในถุงน้ำดี และในไต นักวิชาการจากเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ค้นพบว่า
การดื่มเบียร์วันละหนึ่งขวดก็จะได้รับแมกนีเซียม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงโรคนิ่วในไตได้ถึง 40%


10.ป้องกันโรคนอนไม่หลับ สารจากดอก Hops ในเบียร์เปรียบเสมือนยานอนหลับจากธรรมชาติ
ช่วยให้ ประสาทผ่อนคลาย ดังนั้น การดื่มเบียร์หนึ่งแก้วใน ตอนเย็นจึงเหมือนกับการกินยานอนหลับ


11.ช่วยต้าน มะเร็ง เบียร์มีสารโพลีฟีนอยด์ที่จะช่วยป้องกัน มะเร็ง โดยการดักจับอนุมูลอิสระ ตัวร้ายออก จาก ร่างกาย สารโพลีฟีนอยด์หลักก็คือ Xanthohumol ซึ่งมีข้อดี คือ ช่วยยับยั้ง โปรตีนที่ ช่วยในการพัฒนาการของมะเร็ง ( อ่านเรื่องสารในเบียร์ต่อที่ Yahoo Answer )


12.ช่วยให้ผิว สวย ในเบียร์มีวิตามินสูง เช่น Pantothenic Acid วิตามินบี 3 และไนอาซิน


และนั่นก็คือข้อดีหลักๆของเบียร์นะครับ แต่อันที่จริงแล้ว ข้อดีของการดื่มเบียร์จุดแรกๆเลยก็คือ เพื่อนๆก็จะได้ออกมาพบปะผู้คน เข้าสังคม ได้สังสรรค์กับหมู่เพื่อน ไม่ต้องมานั่งจิบน้ำเปล่า จิบนมอยู่ที่บ้านคนเดียวไงครับ!

หากว่าอยากจะลองชิมเบียร์ รสเลิศ (ในปริมาณที่พอเหมาะ) ได้สังสรรค์กับเพื่อนๆ ได้เจอหนุ่มหล่อๆสาวสาวยๆเคล้าเบียร์ไปด้วย ทางร้าน Sleepless Garden ก็ยินดีต้อนรับเสมอครับ!
Read more...

Saturday, February 13, 2010

Hoegaarden Thailand Beer Review

| | 0 comments




The Bottom Line
Hoegaarden is the original Belgian white beer. It is best enjoyed as close to the brewery as possible as this is a beer that doesn't travel well. But it is still worth a taste wherever you find it.

Pros

* The Original Belgian White
* Refreshing
* Easy to drink

Cons

* Doesn't travel well
* Hard to find
* Often poorly imitated

Description

* The original Belgian White
* Light, refreshing wheat.
* Wonderful summer ale.


Guide Review - Hoegaarden White Beer Tasting Notes and Review
Hoegaarden is the modern day original Belgian white. There are a number of imitators but none have really attained the perfect balance of sublety and complexity that Hoegaarden makes seem so simple. I first had this beer in a cafe in Maastricht, Holland. It was a truly memorable experience. This beer was a revelation to me and, in some ways, was responsible for my ongoing fascination with beer.

I was pleased to find a bottle of Hoegaarden at my local grocery store recently and I snatched it up. Unfortunately I learned that it doesn't travel very well. Where that beer that I had in Holland was complex and rich in flavor the bottle that found me in Missouri had lost a lot. Nevertheless it is still a nice beer but if you have a chance try it as close to the source in Belguim as possible.
Read more...

Friday, February 12, 2010

Sleepless Garden ยินดีต้อนรับ ทุกๆท่าน ด้วย HoeGaarden

| | 1 comments

HOEGAARDEN BEER THAILAND, HOEGAARDEN, โฮการ์เด้น,



ขณะนี้เบียร์ Hoegaarden Beer กำลังเป็นกระแสนิยมในหมู่ลูกค้าของร้านเราครับ วันนี้ทางทีมงานจึงนำ Review ของ เบียร์ตัวนี้มาแชร์ความรู้กันครับ

เบียร์ Hoegaarden นั้นมีถิ่นกำเนิดจากหมู่บ้าน Hoegaarden ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าหมู่บ้านนี้เลื่องชื่อในเรื่องของเบียร์ขาว ซึ่งเรื่องราวของเบียร์ Hoegaarden นั้นเริ่มต้นในศตวรรษที่ 19. หมู่บ้าน Hoegaarden นั้นมีโรงผลิตเบียร์ถึง 13 โรง และยังมีโรงกลั่นเบียร์ถึง 9 โรงด้วยกัน. สูตรของเบียร์ Hoegaarden นั้นได้ถูกปรับแต่งโดยคนในหมู่บ้านโดยที่มีส่วนประกอบหลักๆ คือ น้ำ ยีส ข้าว ฮ๊อพส์ เปลือกส้ม corainder และอื่นๆอีกมากมาย

หลังจากที่โรงงาน Hoegaarden ถูกไฟไหม้ในปี 1985 โรงกลั่นเบียร์อื่นๆ จึงเสนอตัวเข้าฟควบกิจการ และหนึ่งในนั้นคือ โรงกลั่นเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ InterBrew และหลังจากนั้น Hoegaarden ก็เป็นที่เลื่องชื่อในวงการเบียร์ เรื่อยมา

Review Hoegaarden Beer:

รสชาติ: ออกแนวบางๆ มีกลิ่นผลไม้ปนนิดๆ ประมาณว่าเกือบๆจะเป็นเบียร์ผู้หญิงเลยครับ แต่เห็นอย่างนี้ คืนก่อนๆที่ผ่านมา มีคนบอกว่าไม่แรง แต่พอยกไปสามแก้ว ก็เริ่มคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วครับ

ราคา: pine = 230, 1/2 pine = 180-190 บาทครับ ( 1 pine = 1/2 litre )

ความแรง: เบามากๆครับ แบบดื่มได้เรื่อยๆไม่แฮ้ง ตื่นมาไม่ปวดหัวครับ เนื่องจากเป็นของดีครับ

ลักษณะเสริฟ: มีสอง size ให้เลือกครับ ครึ่งไพท์ กับหนึ่ง ไพท์ ไพท์นึงจะเท่ากับครึ่งลิตรบ้านเราครับ แก้วที่ใส่นั้นจะเป็นแก้วพิเศษที่ import เข้ามาครับ ใหญ่มาก ขนาดสองมือกุมไม่มิดครับ ดูลักษณะแก้วเป็นแก้วที่โหดพอสมควรครับ

และขณะนี้ทางร้านกำลังนำเอาเบียร์ อีกสองตัว เข้ามาจำหน่ายคือ LEFFE และ STELLA ครับ และหวังว่าครั้งหน้าเราจะได้มาดู review เบียร์ใหม่ทั้งสองตัวนี้กันครับ วันนี้วันศุกร์ ขอไปสุขที่ร้านต่อนะคร้าบ
Read more...

Tuesday, February 2, 2010

ดื่มเบียร์ แล้ว แฮงค์ ? Hangover From Beer?

| | 1 comments

ถามว่า คนเยอรมันดื่ม Lager Beer หรือไม่ แหะ ๆ ตั้งแต่ผมเห็นมา ยืนยันครับว่า เขายังดื่ม Lager Beer กันอยู่ครับ โดยสุดแท้แต่ชอบ ว่าจะดื่ม สไตล์ Pilsner หรือ สไตล์ Helles (เดี๋ยวผมพูดถึง ความแตกต่างของสองสไตล์นี้อีกที) ดังนั้นเรื่องว่า คนเยอรมันไม่นิยมดื่ม Lager Beer เลยอาจเคลื่อน ๆ ไปนิด หรือไม่ก็ เราอาจได้ข้อมูลต่างกัน จากคนเหนือ และคนใต้ครับ ไม่แน่ ๆ


เรื่องแฮงค์ไม่แฮงค์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของเบียร์ครับ เพราะไม่ว่า จะเป็นเบียร์ที่ผลิตจากอะไร ด้วยกรรมวิธีไหน ก็อาจทำให้คนดื่มแฮงค์ได้เหมือนกัน เพราะมันขึ้นอยู่อุณหภูมิที่ผลิตต่างหาก กล่าวคือ ถ้าหาก ใช้อุณหภูมิค่อนข้างสูง หรือสูงมากในการผลิตเบียร์ โอกาสที่จะทำให้เกิด "แอลกอฮอล์หนัก" ที่เกิดจากสารที่ใช้ทำนั้น เข้าไปผสมอยู่ในแอลกอฮอล์ในเบียร์เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า
ใช้อุณหภูมิต่ำ ๆ

ซึ่งไอ้แอลกอฮอล์หนักนั้นเอง เป็นตัวการที่ทำให้กินแล้วปวดหัว หรือที่เรียกว่าแฮงค์ ถามว่า ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว ผู้ผลิตจะใช้อุณหภูมิสูง ๆ กันทำไม คำตอบก็คือ ใช้เพื่อเร่งให้เกิดแอลกอฮอล์เร็วขึ้น เพื่อจะขายได้เร็วขึ้นนั่นเองครับ เช่น ผู้ผลิตเบียร์ในบ้านเราเป็นต้น หากสังเกตให้ดี ๆ ช่วงหนึ่งที่ เบียร์สิงห์ดังมาก ๆ เขาเร่งผลิตออกมาขาย ทำให้คนกินสัมผัสได้ ถึงความแตกต่าง คือ กินแล้วแฮงค์สุด ๆ (ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่ค่อยเป็นมาก) จนฝรั่งเยอรมันเพื่อนผม (ตอนนั้นอยู่เมืองไทย) เลิกกินสิงห์ แล้วหันไปให้ช้างเหยียบแทนเลยครับ

สรุปประเด็นนี้ก็คือ ดังนั้น จะบอกว่า Lager Beer เป็นเบียร์ที่กินแล้วแฮงค์ มากกว่า Pilsner คงไม่ค่อยตรงเท่าไหร่

ประเด็นเรื่อง Pilsner กับ Helles

จริง ๆ แล้ว สองชื่อนี้ เป็นเบียร์คนละประเภทกันเลยครับ ไม่ใช่ประเภทเดียวกันแต่เรียกชื่อต่างกันตามที่ท่านเจ้าของ
บล็อกว่า

การหาความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง เบียร์สองชนิดนี้ ค่อนข้างลำบาก แต่...แหะ ๆ ถ้าใครได้ ดื่มเทียบกันก็พอจะอธิบายได้ครับ ประเด็นที่แยกเบียร์สองชนิดนี้ออกจากกันได้ คือ เรื่องรสชาติและกลิ่น เพราะเขาว่ากันว่า Pilsner จะออกขม และมีสีเข้มกว่า ในขณะที่ Helles จะสีจาง มีรสหวานปนเล็กน้อย แต่มีกลิ่นของข้าวที่ผ่านกระบวนการมอลท์ มากกว่า

และถ้าไปถามคนเยอรมัน เขาก็จะตอบกันในประเด็นเรื่อง "เนื้อเบียร์" ครับ โดยคนเยอรมันจะเห็นว่า Pilsner เป็นเบียร์ ที่มีรสชาติ และเนื้อเบียร์ เข้มข้น กว่า Helles

สรุปก็คือ จริง ๆ แล้ว Pilsner กับ Helles เป็นเบียร์ คนละชนิดกันเลยครับ ไม่ใช่แค่ชื่อ ที่เรียกต่างกันเท่านั้น

ประเด็นเรื่อง ข้าวมอลท์

จริง ๆ ก่อนหน้าที่ผมจะได้คุยกับรุ่นพี่ที่เรียนเรื่อง ไบโอเทค และสนใจเรื่องเบียร์เป็นพิเศษ ผมเอง ก็เป็นคนหนึ่งครับ ที่เข้าใจว่า มี "ข้าวมอลท์" อยู่ในโลก แต่...จริง ๆ แล้ว
คำว่า มอลท์ ไม่ใช่ ชื่อข้าวหรอกครับ เป็นชื่อ กระบวนการผลิตต่างหาก

การผลิตเบียร์นั้น จะทำด้วยการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล โดยอาศัยน้ำย่อยในเมล็ดข้าวเอง ข้าวที่ใช้ทำเบียร์โดยทั่วไปจะเป็นข้าวบาร์เลย์ ส่วนข้าวชนิดอื่นที่ใช้ทำเบียร์ได้แก่ เบียร์จากข้าวฟ่าง (Shakparo) ในแถบแอฟริกาตะวันตก หรือไม่ก็จากข้าวสาลี (Weissbier)ในเยอรมนีตอนใต้แถบบาวาเรีย

การกระตุ้นน้ำย่อยในเมล็ดข้าวให้ทำงาน เขาจะใช้การพรมน้ำให้ข้าวชื้นจนเริ่มงอกราก จากนั้นก็เอาไปอบให้แห้ง ซึ่งไอ้กระบวนการอบนี้แหละครับที่เรียกว่า "การทำมอลท์" (malting process) และเป็นที่มาของความเข้าใจผิดส่วนมากที่คิดว่า เป็นชื่อของข้าวที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการทำเบียร์ ทั้งที่ข้าวชนิดนี้ไม่มีอยู่เลย มีแต่ “มอลท์” ซึ่งทำจากข้าวชนิดไหน ก็แล้วแต่ชนิดของเบียร์นั้น ๆ เมื่อได้ข้าวที่ผ่านการมอลท์แล้ว ก็จะใช้ผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ เช่น น้ำ และดอกฮอป (hop) เพื่อนำไปหมักด้วยยีสต์ต่อไป

(ความรู้เพิ่มเติมครับ ในบางประเทศการผลิตเบียร์อาจมีการเติมวัตถุดิบอื่นๆ เช่น น้ำตาล หรือแป้ง แต่เบียร์ที่ผลิตในประเทศเยอรมนี ถูกควบคุมคุณภาพด้วยกฏหมายที่เรียกว่า Reinheitsgebot จึงต้องผลิตจาก มอลท์ น้ำสะอาด ดอกฮอป และยีสต์ เท่านั้น)

สำหรับปัญหาเรื่อง สีของเบียร์ว่า เบียร์ดำ หรือ เบียร์กินกาแฟ อย่าง Guiness เขาทำกันอย่างไร เคล็ดลับ และความต่างก็คือ กระบวนการมอลท์ นั่นแหละครับ คือ ถ้าต้องการเบียร์ดำก็คั่วข้าวบาเล่ย์ ให้เกรียมหน่อย เท่านั้นเอง
Read more...

เบียร์นอกนั้น เป็นไฉน?

| | 3 comments


ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ร้าน Sleepless Garden จะให้บริการจำหน่ายเบียร์นอกด้วย ดังนั้นทางทีมงานคิดว่าน่าจะเขียนถึงเกร็ดความรู้เรื่องเบียร์ซักเล็กน้อย

ที่ บอกว่าเล็กน้อยเพราะมันน้อยจริงๆ ครับ เพราะความรู้ ความชำนาญเรื่องเบียร์นั้นไหลเข้าสู่สังคมไทยมานานแล้ว ถึงขนาดร่ำๆ ว่าจะเข้าตลาดหุ้นกันเลยทีเดียว ถ้าจะไม่เรียกว่าการทำเบียร์ไม่ก้าวหน้าก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากนัก ดังนั้นที่ผมจะเล่าให้ฟังคงไม่ใช่เกร็ดความรู้เรื่องการทำเบียร์แน่ๆ แต่เป็นเรื่องชนิดของเบียร์ต่างหาก
ถ้าใครที่เคยดื่มเบียร์สัญชาติไทย ไม่ว่าจะเป็น สิงห์ ลีโอ ช้าง ไท ทั้งดีกรีหนักและเบา รวมถึงเบียร์สัญชาตินอก เช่น ไฮเนกเก้น คาร์ลสเบิร์ก คลอสเตอร์ หรือพูดง่ายๆ คือเบียร์สำเร็จบรรจุขวด ทั้งหมดนี้เรียกรวมกันว่า Lager beer ครับ พูดอีกอย่างก็คือเบียร์ที่เรากินกันนั้นไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อยี่ห้ออย่างไรก็แล้วแต่คือเบียร์ชนิดเดียวกันหมด นั่นก็คือใช้กรรมวิธีที่เขาเรียกว่า Bottom fermentation ในการผลิต ส่วนจะมีที่แปลกออกมาก็นิดหน่อย เช่น Guiness เบียร์ดำซึ่งถือว่าเป็นเบียร์ชนิดพิเศษ

ส่วนในเยอรมันนั้นมีเบียร์อื่นๆ หลากหลายชนิดให้เลือกดื่มอีกมากมายกว่านี้มาก แต่คนเยอรมันนั้นแทบจะไม่กิน Lager beer เลยครับ (แถวที่ผมอยู่ไม่ค่อยเห็นคนดื่ม แต่ที่อื่นอาจจะนิยม) เค้าจะเอาไว้ส่งออกเป็นส่วนมาก คนที่นี่มันกินเบียร์จนเกือบจะเหมือนน้ำเปล่า เขาจะนิยมกินเบียร์ประเภทเดียวกับ Lager beer ที่เรียกว่า "Pilsner" หรือ "Pils" (ทางภาคใต้นิยมดื่มเบียร์อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "Hells") ผมไม่ทราบว่ากรรมวิธีในการผลิตของเบียร์สองชนิดนี้ต่างกันอย่างไร แต่รู้ว่าต่างแน่โดยที่ Pils นั้นผ่านการ fermentation ที่นานกว่า Lager แต่ทั้งคู่นั้นเอายีสต์ออกจากเบียร์หมดจนเห็นเป็นน้ำใสๆ สีเหลืองทอง และส่วนมากนั้นใช้ดอกฮอบ (Hopfen) เป็นวัตถุดิบยืนพื้นในการผลิต

นอกจากนี้ยังมีเบียร์อีกชนิดที่รสอ่อนและหอมหวานกว่าที่คนเยอรมันนิยมดื่ม เรียกว่า "Weizen" ผมเคยไปตามโรงเบียร์บ้านเราก็พบว่ามีเบียร์ชนิดนี้เหมือนกัน แต่บ้านเราเรียก เบียร์ผลไม้ ซึ่งจริงๆ แล้ว Weizen beer นั้นทำมาจากข้าวสาลีนะครับ ไม่ได้ทำจากผลไม้แต่อย่างใด เสน่ห์ของ Weizen คือจะมีกลิ่นหอมชวนดื่มมากกว่า Pils และก็จะขุ่น ไม่ใสปิ๊ง เพราะทิ้งยีสต์ให้แขวนลอยไปกับตัวเบียร์

เบียร์ชนิดพิเศษอื่นๆ ก็มีอีกมากนะครับ ไม่ว่าจะเป็น Alt beer (old beer), Malz beer (Malt beer) ตลอดจนถึงเบียร์ที่ทำกินขายกันเองเองเฉพาะบางพื้นที่ แต่ที่แน่ๆ แต่ละเมืองนั้นแทบจะมี Brand เบียร์ของตัวเองทั้งสิ้น (มีเบียร์ในประเทศนี้เป็นร้อยๆ ยี่ห้อ)

พอดีกลางเดือนนี้จะเป็นงานเทศกาลเบียร์ระดับโลกที่เมืองมิวนิก ซึ่งจัดเป้นประจำทุกปี ที่รู้จักกันดีในนามของ งาน Oktoberfest โดยเกร็ดย่อๆ ของงานนี้ก็คือเมื่อช่วงศตวรรษที่ 18-19 (ไม่แน่ใจ) สมัยที่แคว้นบาวาเรีย (รัฐบาเยิร์น) ยังไม่เป็นประเทศเยอรมันอย่างทุกวันนี้ ชาวแคว้นได้เฉลิมฉลองที่กษัตริย์ (ไม่แน่ใจว่า Max หรือ Ludwig) ทรงอภิเษกสมรส สร้างความยินดีแก่พสกนิกรเป็นอันมาก พอครบรอบวันอภิเษกสมรสจึงได้มีการเฉลิมฉลองสืบเนื่องต่อมาเป็นธรรมเนียมจนกลายเป็น Oktoberfest อย่างที่เข้าใจในปัจจุบัน แต่ก่อนมันจะเริ่มตรงกับเดือนตุลาคม แต่เนื่องจากปัจจุบันฤดูใบไม้ผลิมาเร็วขึ้นทำให้ต้องเริ่มเร็วขึ้นไปด้วยเพราะไม่อย่างนั้นจะหนาวเกินไป แต่จัดให้งานไปเลิกเอาต้นเดือนตุลาเพื่อให้ยังพูดได้ว่าเป็น Oktoberfest อยู่

แต่ถ้าท่านได้มีโอกาสไปร่วมงาน Oktoberfest แล้วล่ะก็ ลองกระซิบถามฝรั่งคนข้างๆ ท่านในโรงเบียร์ว่าเขามาจากไหน ถ้าเขาบอกว่าเป็นคนมิวนิกแล้วล่ะก็ เชิญท่านมาเตะตูดผมได้เลย เพราะคนมิวนิกจะไม่ออกมากินเบียร์ช่วงนี้เนื่องจากราคาเบียร์จะแพงมหาศาลต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ (รู้สึกว่าจะลิตรละ 6-7 ยูโร) บรรยากาศโรงเบียร์นั้นไม่เหมือนกับบ้านเราเท่าไหร่นะครับ เค้าจะนั่งม้ายาวๆ แบบเก้าอี้โรงอาหารอย่างนั้นแหละ เปิดให้กินกันตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงตีหนึ่ง ใครยังไม่สาแก่ใจก็ไปกินต่อเองตามสวน หรือสถานีรถไฟ และเบียร์ในงานก็มีขนาดเดียวครับ คือ แก้วละลิตร แปลว่ากินสามแก้วก็สามลิตรครับ


Read more...

About Us

Sleepless Garden Restaurant ideas was being established in 2009 with the idea of providing one point food & drinks service with " All Brand " Inclusive concepts